".....ถ้าจะมีผลงานของผู้กำกับในฮอลลีวูดรุ่นใหม่สักคน – ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคนธรรมดาๆ ในแถบท้องถิ่นที่ห่างไกล เป็นเมืองที่เงื่องหงอย ดูเผินๆ ไม่ค่อยมีเหตุการณ์อะไรน่าสนใจ วิถีชีวิตของผู้คนก็แสนจะสามัญดาษดื่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็เป็นการฆาตกรรมที่คนทั่วไปรับรู้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในหน้าหนังสือพิมพ์ เป็นภาพชีวิตของคนที่ซึ่งไร้ทางออก ขาดการไตร่ตรองในการแก้ปัญหา และในท้ายที่สุดก็เลือกเอาการก่ออาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆเ ป็นการตัดสิน และทุกครั้งก็มักจะบานปลายกลายเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าให้อภัย- ผู้กำกับที่สามารถบอกเล่าภาพชีวิตของคนสิ้นคิด พ่ายแพ้ และยอมจำนน ได้อย่างชัดเจน ลึกซึ้งและน่าตื่นตา อีกทั้งยังบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านผลงานทางภาพยนตร์มาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นลักษณะเฉพาะตัว เป็นเครื่องหมายการค้า ก็เห็นจะไม่มีใครโดดเด่นเกินสองพี่น้อง โจเอล (JOEL) และ อีแธน โคน (ETHAN COEN) ไปได้ ผลงานของสองพี่น้องตระกูลโคนบอกเล่าเรื่องราวของอาชญากรรมพื้นบ้านที่บานปลาย เสน่ห์และความคมคายของหนังก็คือ มักหยิบจับเอาเรื่องราวแบบข่าวอาชญากรรมตามหน้าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นมา ‘ขยาย’ ให้เห็นภาพชีวิตของผู้คนโดยรวม ที่ผูกติดอยู่กับความฟุ้งฝันลมๆ แล้งๆ มักง่าย และการเล่นไม่ซื่อ ไม่ว่ามันจะมากับภาพความเจริญแห่งยุคสมัย นโยบายของรัฐ ภาพฝันของการรวยทางลัดต่างๆ นานา (ไม่น่าเชื่อว่าหนังของสองพี่น้องตระกูลโคนก็สามารถหยิบยืมมาฉายให้เห็นภาพความเจริญแบบขาดๆ เกินๆ ในสังคมไทยได้ชัดเจนทีเดียว) ในท่ามกลางสภาพความหดหู่ ผู้คนที่เฉื่อยเนือย เหล่านี้ได้ถูกเติมแต่งสีสันของมุขตลกแบบบื้อๆ เซ่อๆ ที่ออกมาผ่านพฤติกรรมของตัวละคร ขับเน้นให้เห็นความเป็นไปที่สมจริงผ่านมุขตลกเหล่านั้นได้อย่างชาญฉลาด… .....THE MAN WHO WASN’T THERE ถือเป็นผลงานที่เติบโตขึ้นมาได้อย่างสุขุม เรียบลึก และมีเสน่ห์อย่างยิ่ง ลดทอนความฉูดฉาด ทะลึ่งทโมนจนเหลือเป็นเพียงกลิ่นจางๆ ได้ความขรึมขลังหนักแน่นขึ้นมาแทนที่ และนี่เองที่ทำให้ทั้งสองพี่น้องกลับมาตอกย้ำความน่าสนใจของพวกเขาอีกครั้ง ด้วยรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2001....."Soundtrack : Sub Thai